ความหมายของดาวเคราะห์
วัตถุท้องฟ้าที่โคจรรอบดวงอาทิตย์
มีมวลมากพอที่จะทำให้รูปร่างใกล้เคียงทรงกลม
ไม่มีวัตถุท้องฟ้าอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงและลักษณะทางกายภาพคล้ายกันอยู่ใกล้วงโคจร
ในระบบสุริยะมีดาวเคราะห์บริวารของดวงอาทิตย์ ๘ ดวง คือ พุธ ศุกร์โลก อังคาร
พฤหัสบดี เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน.
ดาวเคราะห์ (กรีก: πλανήτης;
อังกฤษ: planet หรือ "ผู้พเนจร")
คือวัตถุขนาดใหญ่ที่โคจรรอบดาวฤกษ์ ก่อนคริสต์ทศวรรษ 1990
มีดาวเคราะห์ที่เรารู้จักเพียง 8 ดวง
(ทั้งหมดอยู่ในระบบสุริยะ) ปัจจุบันเรารู้จักดาวเคราะห์ใหม่อีกมากกว่า 100 ดวง ซึ่งเป็นดาวเคราะห์นอกระบบ คือ
โคจรรอบดาวฤกษ์ดวงอื่นที่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ ในปี พ.ศ. 2549
สหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (IAU) มีมติรับคำนิยามทางวิทยาศาสตร์ของดาวเคราะห์ว่า
วัตถุฟากฟ้าที่โคจรรอบดาวฤกษ์จะเป็นดาวเคราะห์ได้ ต่อเมื่อ
มีมวลมากพอที่จะรักษาทรงกลมไว้ได้ด้วยแรงโน้มถ่วงของตนเอง
ต้องไม่มีมวลมากจนถึงขนาดก่อให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลีย์ฟิวชั่น
หรือปฏิกิริยาการหลอมนิวเคลียส
ต้องไม่มีดาวเคราะห์อื่นร่วมใช้วงโคจร
ซึ่งรวมไปถึงว่าต้องไม่มีดาวเคราะห์แรกเกิด (Planeticimal) อื่นกำลังก่อตัวอยู่ในวงโคจร[1][2]
ดาวเคราะห์เป็นวัตถุฟากฟ้าที่ศึกษากันมาแต่โบราณ
ทั้งในทางวิทยาศาสตร์ และโหราศาสตร์ นักดาราศาสตร์กรีกชื่อ ปโตเลมี เชื่อว่า
ดาวเคราะห์ทั้งหลายล้วนโคจรรอบโลกในการเคลื่อนที่แบบรอบอภิวัฏ (Epicycle)
ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับกันมากที่สุดในปัจจุบันกล่าวว่าดาวเคราะห์ก่อตัวขึ้นจากการยุบตัวลงของกลุ่มฝุ่นและแก๊ส
พร้อมๆ กับการก่อกำเนิดดวงอาทิตย์ที่ใจกลาง ดาวเคราะห์ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง
สามารถมองเห็นได้เนื่องจากพื้นผิวสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ในระบบสุริยะมีดาวบริวารโคจรรอบ
ยกเว้นดาวพุธและดาวศุกร์
และสามารถพบระบบวงแหวนได้ในดาวเคราะห์ขนาดใหญ่อย่างดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์
ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน
มีเพียงดาวเสาร์เท่านั้นที่สามารถมองเห็นวงแหวนได้ชัดเจนด้วยกล้องส่องทางไกล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น